วิธีจัดเก็บข้อมูลสำคัญ ป้องกันข้อมูลสูญหาย ในภาคของธุรกิจ ต่างทราบกันดีว่า ข้อมูลมีความสำคัญต่อการทำธุรกิจอย่างมาก ซึ่งพื้นที่จัดเก็บข้อมูลส่วนใหญ่เซฟไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลด้านบัญชี ข้อมูลทางการเงิน หรือข้อมูลสัญญาซื้อ-ขาย และอื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนมีความจำเป็นในการทำการค้าทั้งสิ้น หากโดนโจรกรรมข้อมูลนำความลับไปเปิดเผย หรือทำให้ข้อมูลเสียหายหรือสูญหาย อาจจะส่งผลกระทบการทำธุรกิจระยะยาวเป็นแน่
เพราะฉะนั้น เมื่อสื่ออินเทอร์เน็ตเข้ามาเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการทำธุรกิจแทบทุกภาคส่วน และเกิดกลุ่มมิจฉาชีพก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้พยายามเข้าสู่เว็บไซต์ธุรกิจหรือระบบหลังบ้าน เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของธุรกิจคุณ นั่นหมายความว่า หากข้อมูลธุรกิจตกไปอยู่ในมือของผู้ที่ไม่ประสงค์ดี อาจจะทำให้ข้อมูลและธุรกิจของคุณไม่ปลอดภัยได้ ด้วยเหตุนี้ จึงควรมีมาตรการหรือวิธีป้องกันไม่ให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น สำหรับธุรกิจหรือองค์กรไหรที่ยังไม่มีการป้องกันข้อมูลสูญหายที่ดี สามารถนำวิธีดังต่อไปนี้ไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ เพื่อสร้างความปลอดภัยที่รัดกุมมากยิ่งขึ้น
สารบัญ
- ติดตั้งซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมรักษาความปลอดภัย
- หมั่นอัปเดตโปรแกรม และระบบปฏิบัติการอย่างสม่ำเสมอ
- กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล
- สร้างกฎระเบียบการใช้งานอุปกรณ์สำนักงาน
- ตั้งรหัสผ่านให้ยากต่อการคาดเดา
- สำรองข้อมูลมากกว่า 1 ที่
- ไม่ใช้เครือข่ายสาธารณะ
- เลือกคนที่ไว้ใจในการเก็บรักษาข้อมูล
- สรุป
1. ติดตั้งซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมรักษาความปลอดภัย

การติดตั้งซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมรักษาความปลอดภัย (Security Software) เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบโดยนักโปรแกรมเมอร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลต่าง ๆ ช่วยป้องกันคอมพิวเตอร์ของคุณถูกบุกรุก ลดปัญหาไวรัสทำลายข้อมูลภายในคอมพิวเตอร์ ตลอดจนป้องกันการเข้าถึงทรัพยากรคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต
การติดตั้งซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมรักษาความปลอดภัย Security Software มีอะไรบ้าง!?
- Access control
- Anti-keyloggers
- Anti-spyware
- Anti-subversion software
- Anti-tamper software
- Antivirus software
- Cryptographic software
- Firewall
- Intrusion detection system (IDS)
- Intrusion prevention system (IPS)
- Sandbox
2. หมั่นอัปเดตโปรแกรม และระบบปฏิบัติการอย่างสม่ำเสมอ

ซอฟต์แวร์ที่อัปเดตเป็นประจำจะช่วยรักษาความปลอดภัยได้มากขึ้น เนื่องจากโปรแกรมที่มีการอัปเดทให้ทันสมัยมีการเพิ่มคุณสมบัติความสามารถใหม่ ๆ เพื่อแก้ไขช่องโหว่ ข้อบกพร่องของตัวโปรแกรม เพราะฉะนั้น จึงควรต้องทำการอัปเดต อยู่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็น Windows, Mac และซอฟต์แวร์ตรวจสอบไวรัส/มัลแวร์ต่าง ๆ ล้วนต้องทำการอัปเดตเพื่อความปลอดภัยทั้งสิ้น
3. กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล

ข้อมูลสำคัญ หรือข้อมูลที่เป็นความลับ ควรกำหนดสิทธิ์การเข้าถึง หรือเข้าใช้งาน เช่น การกำหนดให้เข้าไปอ่าน (Read) ข้อมูลได้, กำหนดให้สามารถแก้ไขข้อมูลได้ (write) หรือจำกัดบางคนไม่ให้เข้าถึงข้อมูล เป็นต้น เพราะฉะนั้น คุณต้องดูความเหมาะสมกับขอบเขตงานของกลุ่มผู้ใช้ในแต่ละคน เพื่อป้องกันข้อมูลเสียหายหรือข้อมูลถูกทำลาย
4. สร้างกฎระเบียบการใช้งานอุปกรณ์สำนักงาน

ทางบริษัทควรออกนโยบายจัดทำไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็นระเบียบแนวทางให้พนักงานใช้งานระบบสารสนเทศและอุปกรณ์สารสนเทศอย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้งานอินเทอร์เน็ต การใช้งานอุปกรณ์สำนักงาน โดยเฉพาะ flash drive หรือ External Harddisk กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ควรมีการสแกนไวรัสก่อนทุกครั้ง เพราะถ้าอุปกรณ์ตัวไหนที่เคยไปเสียบคอมพิวเตอร์ที่มีไวรัส และเอาไปเสียบกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น อาจติดไวรัสและแพร่ไวรัสลงสู่ข้อมูลอื่น ๆ ภายในคอมพิวเตอร์จนเสียหายได้ ดังนั้น การสร้างกฎระเบียบการใช้งานอุปกรณ์สำนักงาน หรือข้อปฏิบัติตามนโยบายเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาข้อมูลให้ปลอดภัย
5. ตั้งรหัสผ่านให้ยากต่อการคาดเดา

หากรหัสผ่านของคุณเดาได้ง่าย อย่างเช่น 123456789 , วัน/เดือน/ปีเกิด หรือรหัสที่เหมือนกับ Username ควรตั้งรหัสผ่านใหม่ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจทำให้บรรดาแฮกเกอร์หรือผู้ที่ไม่หวังดีเข้ามาทำให้เกิดความเสียหายต่อข้อมูลได้ ซึ่งรหัสผ่านที่ปลอดภัยควรตั้งให้มีความยาวไม่สั้นจนเกินไป และควรมีอักขระพิเศษ (@#$%^&*) มีตัวพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ผสมกัน ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการตั้งรหัสผ่านที่ช่วยรักษาข้อมูลให้ปลอดภัย
6. สำรองข้อมูลมากกว่า 1 ที่

การสำรองข้อมูลไว้หลาย ๆ ส่วน อย่างการสำรองข้อมูลอัตโนมัติ (Schedule Backup) และเก็บข้อมูลสำรองไว้ในที่ที่เข้าถึงยาก เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย หรือเผลอทำให้ข้อมูลสูญหาย ก็ยังมีข้อมูลสำรองอยู่ แต่ถ้าไม่มีการ Backup ข้อมูลเลย กรณีที่ข้อมูลสูญหาย อาจไม่สามารถนำกลับมาได้อีก
7. ไม่ใช้เครือข่ายสาธารณะ

หากคุณต้องทำงานนอกสถานที่ควรมีอุปกรณ์เน็ตเวิร์คไปใช้ส่วนตัว ไม่ควรขอใช้อินเทอร์เน็ตในพื้นที่สาธารณะ ถ้าคุณไม่อยากให้แฮกเกอร์เจาะระบบของคุณ เนื่องจากแฮกเกอร์สามารถดักจับและฝังสคริปไวรัสผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งสามารถทำลายข้อมูลของคุณได้อย่างรวดเร็ว
8. เลือกคนที่ไว้ใจในการเก็บรักษาข้อมูล

ข้อมูลสำคัญบางประเภทอาจต้องแชร์ให้คนในทีมร่วมดำเนินงานด้วย เพื่อให้งานประสบความสำเร็จ ดังนั้น ข้อมูลไหนที่มีความสำคัญ ควรคัดผู้ร่วมทีมในการรับรู้ข้อมูลสำคัญ ตัวอย่างเช่น มีข้อมูลลับจากลูกค้ารายใหญ่ที่ห้ามเปิดเผยรายละเอียด ถึงแม้ต้องใช้ทีมงานหรือเพื่อนร่วมงานมาช่วยต่อยอดและพัฒนาธุรกิจ ก็ควรคัดคนที่ไว้ใจได้ในการรับทำงานนี้ ส่วนหนึ่งเพื่อรักษาข้อมูลที่เป็นความลับสำคัญ และป้องกันข้อมูลเล็ดลอดไปเปิดเผยสู่ภายนอก
บทความแนะนำ
- ทริค! เลือกโน้ตบุ๊กสเปกแรง สำหรับสายเกมมิ่งและทำงาน
- วิธีเลือกปลั๊กไฟ ให้ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
- อุปกรณ์ไอที ยอดนิยมของเด็ก Gen Y
สรุป
มาเริ่มป้องกันข้อมูลสูญหายกันตอนนี้ ดีกว่ามานั่งแก้ปัญหากันภายหลัง ยิ่งการทำธุรกิจต้องมีการแข่งขันเพื่อเป็นที่หนึ่งในตลาด ข้อมูลความลับภายในธุรกิจจึงต้องเก็บในที่ปลอดภัย เพราะฉะนั้น ควรติดตั้งซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมรักษาความปลอดภัย ป้องกันข้อมูลรั่วไหล และสำหรับนักธุรกิจท่านใดที่ต้องการซอฟต์แวร์คุณภาพสูง สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ มอบประสิทธิภาพในการใช้งานอย่างดีเยี่ยม เว็บไซต์ Uniquebig พร้อมให้บริการ การันตีด้วยประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญนานกว่า 20 ปี อีกทั้ง ยังมีอุปกรณ์สำนักงาน อุปกรณ์ไอที หรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่เหมาะแก่การทำธุรกิจมากมาย
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
โทร : 02-922-0291
E-mail : support@uniquebig.com
line : @ubcbiz