ทุกครัวเรือนล้วนมีอุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์เสริมอย่างปลั๊กไฟที่มีความจำเป็นอย่างมาก เพื่อใช้เสียบเชื่อมต่อกับไฟฟ้า แต่ก็หลายคนไม่ค่อยใส่ใจเลือกปลั๊กไฟที่มีคุณภาพ ขอเพียงแค่ใช้งานได้เท่านั้น แต่เพื่อความปลอยภัยในการใช้งานควรเลือกปลั๊กไฟที่ได้มาตรฐานและเหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาปลั๊กไฟระเบิก หรือไฟไหม้แบบไม่ทันตั้งตัว
สารบัญ
- วิธีเลือกปลั๊กไฟที่ดี ต้องมีสัญลักษณ์ มอก. เสมอ
- 6 วิธีการเลือกปลั๊กไฟ ที่ให้ความปลอดภัย ได้มาตรฐานมีดังนี้
- ข้อควรระวังในการใช้รางปลั๊กไฟ
- สรุป
วิธีเลือกปลั๊กไฟที่ดี ต้องมีสัญลักษณ์ มอก. เสมอ

สิ่งสำคัญอย่างแรกสำหรับการเลือกปลั๊กไฟคือ ต้องมีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ซึ่ง มอก. สำหรับปลั๊กพ่วงคือ มอก. 2432-2555 แสดงบนกล่องหรือตัวผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน บ่งบอกถึงมาตรฐานที่ครอบคลุมทั้งรางปลั๊กไฟตั้งแต่ตัวรางปลั๊ก สายไฟ เต้ารับ เต้าเสียบ สวิตช์เปิด-ปิด ไปจนถึงแรงดันไฟฟ้า เพื่อให้เหมาะแก่การใช้งานทั่วไป
ส่วนปลั๊กสายไฟ ที่มีมาตรฐานมอก. 11-2553 หรือ มาตรฐานอื่นที่สอดคล้องกับ มอก.955 จะมีฉนวนหุ้มทั้งสองชั้น เพื่อความแข็งแรงของสายไฟ ควรเป็นสายเบอร์18 (AWG) ที่สามารถรองรับโหลดกระแสไฟได้สูง หากต้องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายอย่างในเวลาเดียวกัน
6 วิธีการเลือกปลั๊กไฟ ที่ให้ความปลอดภัย ได้มาตรฐาน

1. เลือกปลั๊กไฟให้สังเกตเต้ารับ
เต้ารับปลั๊กไฟต้องเป็นไปตาม มอก.166-2549 และขาของเต้ารับควรทำจากทองเหลืองหรือทองแดง เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของแผงวงจรภายใน วัสดุจึงต้องสามารถนำไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี หากผลิตจากเหล็กชุบสีหรือโลหะอื่น ๆ เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ขาเสียบจะเริ่มหลวมทำให้ปลั๊กไฟเสี่ยงไหม้ได้
เต้ารับควรเป็นแบบ 3 ขา เป็นขากลม หรือมี 3 รู เพราะมีทั้งสาย L (Line) N (Neutral) และ G (Ground) ซึ่งเป็นสายดินที่มีความสำคัญ เพื่อป้องกันไฟรั่ว ไฟฟ้าลัดวงจร โดยสายดินจะทำหน้าที่ดึงกระแสไฟให้ไหลลงดินแทนที่จะเข้าที่ตัวคน
2. เลือกปลั๊กไฟ ควรดูหัวปลั๊กหรือโคนขาปลั๊ก
การเลือกปลั๊กไฟควรดูหัวปลั๊กที่ปลอดภัย โดยสังเกตได้จากเต้าเสียบหรือหัวปลั๊กต้องเป็นขากลม เพราะเป็นมาตรฐาน มอก. และจะต้องมีฉนวนหุ้มที่โคนขาปลั๊กอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันการสัมผัสโดยตรง รวมถึงแรงดันไฟฟ้าของเต้าเสียบและเต้ารับต้องเท่ากัน ส่วนของกระแสไฟฟ้าเต้าเสียบต้องไม่น้อยกว่าเต้ารับ
3. เลือกปลั๊กไฟที่มีวัสดุทนความร้อน
วัสดุตัวกล่องครอบรางปลั๊กต้องทำจากวัสดุพลาสติกเกรดที่ได้รับมาตรฐาน เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดประกายไฟ หรือพลาสติกละลายจนเกิดการติดไฟเมื่อมีการใช้ไฟเกินกำลัง ฉะนั้น ตัวกล่องที่ครอบรางปลั๊กควรเป็นพลาสติกที่ทนความร้อนสูงตามมาตรฐาน UL94 เช่น พลาสติก ABS, พลาสติก AVC หรือ PC เพื่อป้องกันความเสียหาย
4. เลือกปลั๊กไฟให้ได้คุณภาพต้องมีระบบตัดไฟ
ปลั๊กพ่วง หรือปลั๊กไฟที่ได้มาตรฐานจะต้องมีระบบตัดไฟหรือเบรกเกอร์นิรภัย (Circuit Breaker) มาด้วย เพื่อช่วยตัดวงจรไฟฟ้าในกรณีที่มีการใช้กระแสไฟฟ้าสูงมากเกินไป ซึ่งอาจจะทำให้เกิดไฟไหม้ได้ ทั้งนี้ ระบบตัดไฟควรจะเป็นระบบ RCBO หรือ Thermal Circuit Breaker
5. เลือกปลั๊กไฟ มีสวิตช์เปิด-ปิดบนรางปลั๊กไฟที่ได้มาตรฐาน
นอกจากมีสวิตช์ควบคุมการจ่ายกระแสไฟตัวหลักแล้ว แนะนำให้เลือกสวิตช์ที่สามารถควบคุมบนรางปลั๊กไฟของแต่ละเต้ารับได้ด้วย หรือที่เรียกว่า การต่อวงจรแบบขนาน ที่สามารถควบคุมการจ่ายไฟของแต่ละรูปลั๊กได้ ซึ่งเป็นฟังก์ชันเสริมที่ดี ดังนั้น สวิตช์ที่สามารถควบคุมบนรางปลั๊กไฟได้ต้องมีมาตรฐานบังคับอ้างอิงตาม มอก. 824-2551 หรือ IEC61058
6. เลือกปลั๊กไฟให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ปลั๊กไฟ ปลั๊กพ่วง นับว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้งานทั้งภายในและภายนอกบ้าน เพื่อรองรับการเชื่อมต่อกับทีวี ไมโครเวฟ โน้ตบุ๊ก เครื่องปริ้นเตอร์ เราเตอร์ (Router) และอุปกรณ์อื่น ๆ อีกมากมาย เพราะฉะนั้น ปลั๊กไฟควรมีอย่างน้อยบ้านละ 2 ปลั๊ก ตามจุดสำคัญต่าง ๆ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานมากที่สุด
ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้พัฒนาปลั๊กไฟ หรือปลั๊กพ่วงให้มีช่องเสียบ USB มาบนรางปลั๊กไฟ ช่วยให้คุณใช้งานได้หลากหลาย และง่ายมากขึ้น ดังนั้น ความยาวของสายไฟ ควรเลือกความยาวสายไฟของปลั๊กพ่วงให้มีขนาดพอเหมาะ ไม่ยาวหรือสั้นจนเกินไป เพราะถ้ามีความยาวมากไปจนสายไฟต้องกองรวมกัน อาจมีโอกาสเสี่ยงเกิดอันตรายขณะใช้งานและเกิดอุบัติเหตุได้
นอกจากนี้ จำนวนวัตต์ที่ใช้งาน ปลั๊กไฟต้องรองรับกำลังวัตต์ได้ ซึ่งปลั๊กพ่วงที่ดีต้องระบุไฟสูงสุดที่สามารถรองรับได้ เช่น 2,300 วัตต์ 2,500 วัตต์ เป็นต้น
ข้อควรระวังในการใช้รางปลั๊กไฟ

1. ไม่ใช้รางปลั๊กไฟกับเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้งานตลอดเวลา เช่น ตู้เย็น เพื่อไม่ให้รางปลั๊กไฟหรือปลั๊กพ่วงใช้งานหนักเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความร้อนสะสมกลายเป็นเหตุไฟฟ้าลัดวงจร
2. ไม่ควรนำปลั๊กไฟสายพ่วงไปใช้ติดตั้งถาวร หรือเดินสายไฟติดกับผนังห้อง เพราะปลั๊กไฟถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานชั่วคราว จึงมีความทนทานน้อยกว่า และชำรุดได้ง่าย และความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจร
3. หลังใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ถอดปลั๊กออกจากรางปลั๊กไฟทุกครั้ง รวมถึงถอดเต้าเสียบของรางปลั๊กไฟออกจากปลั๊กหลักของบ้านด้วย
4. เพื่อความปลอดภัย ให้ปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนนำมาเสียบกับรางปลั๊กไฟเพื่อลดการเกิดไฟกระชาก
5. ถ้ารางปลั๊กไฟชำรุดแล้วไม่ควรซ่อม เพราะจะทำให้เกิดความร้อนสะสมและเกิดไฟไหม้ ดังนั้น ควรซื้อปลั๊กไฟใหม่ที่ได้มาตรฐานดีกว่า
บทความแนะนำ
- อุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
- 6 อุปกรณ์เสริมที่สายเกมมิ่ง Gaming ต้องมี!!
- เครื่องปริ้นเตอร์แต่ละแบรนด์ มีข้อดีอย่างไร
สรุป
ถึงอย่างไรก็ตาม การเลือกปลั๊กไฟ ให้ปลอดภัยต่อการใช้งาน และได้มาตรฐาน ต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เน้นคุณภาพการใช้งานระยะยาวดีกว่า เพื่อความอุ่นใจในการใช้งานด้วย และสำหรับคนที่สนในปลั๊กไฟ อุปกรณ์สำรองไฟ อุปกรณ์ไอทีและเทคโนโลยี เพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน หรือการทำงาน เว็บไซต์ uniquebig ยินดีให้บริการ พร้อมคำแนะนำในการเลือกอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพต่อการใช้งานอย่างแท้จริง
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
โทร : 02-922-0291
E-mail : support@uniquebig.com
line : @ubcbiz

