Sound Card (ซาวด์การ์ด) มีหน้าที่และความสำคัญอย่างไร?

Sound Card (ซาวด์การ์ด) มีหน้าที่และความสำคัญอย่างไร?

Sound Card (ซาวด์การ์ด) มีหน้าที่และความสำคัญอย่างไร? Sound Card (ซาวด์การ์ด) ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์หรือแผงวงจรเพิ่มคุณภาพของเสียง ทำให้ผู้ฟังหลงใหลในเสียงที่ขับออกมา เสียงคมชัด มีมิติ เก็บทุกรายละเอียด ทำให้ได้รับอรรถรสในการรับฟังมากยิ่งขึ้น ตอบสนองความต้องการคนที่ชื่นชอบการฟังเพลง เล่นเกม หรือดูภาพยนตร์ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่ง Sound Card จะมีหน้าที่อะไร มีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน มาดูกัน!! 

สารบัญ

Sound Card (ซาวด์การ์ด) คืออะไร?

Sound Card (ซาวด์การ์ด) หรือเรียกอีกอย่างว่า การ์ดเสียง คือ ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์หรือแผงวงจรที่ขยายและประมวลผลสัญญาณเสียงส่งไปยังแหล่งกำเนิดเสียง โดยเป็นตัวกลางระหว่างเสียงดิจิตอลของคอมพิวเตอร์กับเอาต์พุตเสียงแบบอนาล็อก ทำให้เสียงที่ออกมาจากลำโพงหรือหูฟังมีคุณภาพสูงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการฟังได้อย่างดีเยี่ยม

Sound Card (ซาวด์การ์ด) มีหน้าที่และความสำคัญอย่างไร?

Sound Card (ซาวด์การ์ด) มีหน้าที่อะไรบ้าง?

Sound Card (ซาวด์การ์ด) มีหน้าที่และความสำคัญอย่างไร?

Sound Card ทำหน้าที่แปลงข้อมูลดิจิทัลที่เก็บรายละเอียดเกี่ยวกับเสียงต่าง ๆ เป็นสัญญาณเสียงในรูปแบบสัญญาณทางไฟฟ้า รวมไปถึงมีหน้าที่เพิ่มคุณภาพเสียงให้ชัดเจน มีมิติ เก็บทุกรายละเอียดของเสียง ช่วยให้ผู้ฟังได้รับอรรถรสอย่างเต็มที่ มอบประสบการณ์การรับฟังด้วยเสียงที่สมจริง โดยเฉพาะการฟังเพลง เล่นเกม เป็นต้น

Sound Card (ซาวด์การ์ด) มีความจำเป็นอย่างไร?

Sound Card (ซาวด์การ์ด) มีหน้าที่และความสำคัญอย่างไร?

คอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบัน Mainboard ของ PC ล้วนติดตั้งวงจรแสดงผลประมวลเสียงในตัว หรือที่เราเรียกกันว่า Sound Card on Board ทั้งนี้ Mainboard บางรุ่นอาจไม่ถูกใจผู้ใช้งานก็สามารถเลือกซื้อหรือเปลี่ยนใหม่ได้ เพื่อให้ได้ซาวด์การ์ดคุณภาพสูงช่วยเพิ่มมิติเสียงที่คมชัดมากขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์เรื่องของเสียงมากเลยทีเดียว

Sound Card แตกต่างจาก DAC อย่างไร?

Sound Card (ซาวด์การ์ด) มีหน้าที่และความสำคัญอย่างไร?

Sound Card ทำหน้าที่คล้ายกับ DAC แต่มีรายละเอียดการทำงานที่แตกต่างกันออกไป โดย Sound Card จะทำหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิตอลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งแปลงจากสัญญาณเสียงอนาล็อก ขยายสัญญาณให้มีกำลังขับที่สูงขึ้นเพียงพอสำหรับลำโพง พร้อมประมวลผลเสียงเพื่อเพิ่มคุณภาพให้มากขึ้น เช่น มีการปรับแต่ง EQ เพิ่ม Effect เสียง มีระบบรองรับเสียงรอบทิศทาง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคุณภาพเสียงที่มีประสิทธิภาพ มีมิติ และความละเอียดที่สูงขึ้น 

ส่วน DAC หรือ Digital To analog Converter ทำหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นสัญญาณเสียงแบบอนาล็อกเท่านั้น จึงไม่ได้ทำหน้าที่ในการขยายสัญญาณเสียงและการแยกแอมป์ ซึ่งไม่มีฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย แต่เน้นการแปลงเสียงให้มีคุณภาพสูง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดสำหรับการฟังเพลง 

อีกทั้งในปัจจุบันนี้ Sound Card (ซาวด์การ์ด) สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท นั่นก็คือ On board (ออนบอร์ด) และ External (แบบแยก) ดังนั้น เรามาดูกันว่า แต่ละประเภทนั้นมีข้อดีและข้อจำกัดอย่างไรกันบ้าง เพื่อให้ทุกคนเลือกนำไปใช้งานอย่างเหมาะสมที่สุด 

1. On board (ออนบอร์ด) หรือ Internal

On board ซาวด์การ์ดภายใน เป็นฮาร์ดแวร์ที่ติดตั้งลงบนเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์โดยตรง ซึ่งทุกเครื่องจะมีการติดตั้งให้อยู่แล้ว โดยเชื่อมต่อผ่านช่องเสียบทำให้เสียงมีคุณภาพสูง พร้อมด้วยคุณสมบัติขั้นสูงกว่าประเภทการ์ดเสียงแบบแยก

2. External (แบบแยก)

อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ช่วยสนับสนุนเรื่องการใช้เสียง แต่ไม่จำเป็นต้องติดตั้งบนเมนบอร์ด ซึ่งซาวด์การ์ดจะถูกผลิตแยกออกมาต่างหาก ทุกคนสามารถซื้อมาติดตั้งเพิ่มเติมด้วยการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB หรือ Thunderbolt เพิ่มความสะดวกและความยืดหยุ่นในการใช้งาน เพียงแค่เสียบตัวซาวด์การ์ดเข้ากับตัวเครื่องเท่านั้น จึงได้รับความนิยมสำหรับนักเล่นเกม ผู้ใช้แล็ปท็อป เป็นต้น

วิธีการเลือกซื้อซาวด์การ์ดที่เหมาะสม?

Sound Card (ซาวด์การ์ด) มีหน้าที่และความสำคัญอย่างไร?

1. การรองรับซอฟต์แวร์และไดรเวอร์

ซาวด์การ์ดส่งผลต่อการทำงานและความสะดวกในการใช้งานซอฟต์แวร์และไดรเวอร์ ซึ่งต้องพิจารณาว่า มีการอัพเดทไดรเวอร์และมีอินเตอร์เฟซซอฟต์แวร์ที่ใช้งานง่ายสำหรับปรับแต่งการตั้งค่าเสียงหรือไม่ เพราะซาวด์การ์ดบางยี่ห้อ หรือบางรุ่น รับประกันความเข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการล่าสุดและสามารถเข้าถึงคุณสมบัติเสียงขั้นสูง รวมถึงดูความเข้ากันได้ของระบบปฏิบัติการและการรองรับไดรเวอร์ด้วย

2. เลือกรุ่นที่เหมาะสมกับการใช้งาน

หากคุณต้องการประสิทธิภาพของเสียงมากกว่าการดูหนัง ฟังเพลง ในด้านของการเล่นเกมระดับมืออาชีพ ควรเลือกซาวด์การ์ดที่มีฟังก์ชันเสริมเพื่อสนับสนุนการเล่นเกม ด้วยฟังก์ชันระบุทิศทางหรือตำแหน่งของเสียง เพื่อช่วยระบุเสียงเป้าหมายหรือศัตรูภายในเกม รวมไปถึงฟังก์ชันที่สนับสนุนการใช้ไมค์ เพราะซาวด์การ์ดหลายรุ่นอาจจะไม่รองรับ แต่หากคุณเลือกใช้ซาวด์การ์ดที่มีฟังก์ชันนี้จะช่วยให้การถ่ายทอดเสียงทำได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น และถ้าซาวด์การ์ดทำงานร่วมกับหูฟังเกมมิ่งได้ จะช่วยเพิ่มอรรถรสและสร้างประสบการณ์ในการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น

3. การเชื่อมต่อและพอร์ต

เพื่อการใช้งานร่วมกันกับเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างสะดวก ควรเลือกซาวด์การ์ดที่มี Output เสียงหลากหลาย เช่น RCA, ช่องแจ็ค 3.5 มม. และ Output แบบ optical นอกจากนี้หากเรามีความต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสียงภายนอก ให้ตรวจสอบซาวด์การ์ด ว่ามี Input ที่จำเป็นอย่างพอร์ตไมโครโฟน และพอร์ต line-in หรือไม่

4. งบประมาณและราคา

การเลือกซาวด์การ์ดที่เหมาะสมนั้นมีหลากหลายยี่ห้อ และหลายรุ่นให้ใช้งาน ซึ่งจำเป็นต้องนำมาเปรียบเทียบหาข้อดีที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ พร้อมทั้งเลือกซาวด์การ์ดในราคาที่คุณรับไหว เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีรวมไปถึงราคาที่เหมาะสมด้วย

บทความแนะนำ

สรุป

Sound Card (ซาวด์การ์ด) ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ที่เพิ่มประสิทธิภาพของเสียง ทำให้เราได้รับรายละเอียดเสียงที่ดีขึ้น เพื่อประสิทธิภาพคุณภาพเสียง จึงกลายเป็นอุปกรณ์ที่หลายคนให้ความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่หลงใหลในเสียงเพลง ดูหนัง เล่นเกม ทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ เพราะฉะนั้นแล้ว การเลือกซาวด์การ์ดที่เหมาะสมควรเริ่มจากการพิจารณาวัตถุประสงค์ความต้องการของคุณเป็นหลัก เพื่อให้ได้ซาวด์การ์ดที่ตอบโจทย์มากที่สุด

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

โทร : 02-922-0291

E-mail : support@uniquebig.com

line : @ubcbiz

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

uniquebig.com ใช้คุกกี้บนเว็บไซต์นี้เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน